สำนักงานอัยการสูงสุดจะดำเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ
1. ตำแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง และเงินเดือนที่จะได้รับ
- ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ 4 เงินเดือน 9,700 บาท จำนวน 1 อัตรา
- ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ 4 เงินเดือน 9,700 บาท จำนวน 2 อัตรา
- ตำแหน่งนักพัฒนาทรัพยากรบุคคล 4 เงินเดือน 9,700 บาท จำนวน 1 อัตรา
- ตำแหน่งนักสถิติ 4 เงินเดือน 9,700 บาท จำนวน 1 อัตรา
2. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือก
2.1 ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ดังนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
(3) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(4) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
(5) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถ
หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.พ.
(6) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งให้พักราชการหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
(7) ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
(8 ) ไม่เป็นกรรมการพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(9) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(10) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำ
ความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(11) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากรัฐวิสาหกิจ
หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(12) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออก เพราะกระทำผิดวินัยตาม
กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
(13) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
(14) ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
ผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (7) (9) (10) (11) (12) (13) หรือ (14) จะมีสิทธิสมัครเข้ารับ
การคัดเลือกต่อเมื่อได้รับการยกเว้นจาก ก.พ. แล้ว สำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (4) มีสิทธิสมัครเข้ารับ การคัดเลือกได้ แต่จะมีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในตำแหน่งที่สมัครเข้ารับการคัดเลือกได้ต่อเมื่อพ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองแล้ว
2.2 ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่สอบผ่านภาค ก. และภาค ข. ของ ก.พ.
2.3 ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ดังนี้
- ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ 4 ได้รับวุฒิปริญญาโททางภาษาอังกฤษ
- ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ 4 ได้รับวุฒิปริญญาโททางสื่อสารมวลชน
หรือวารสารศาสตร์ หรือนิเทศศาสตร์
- ตำแหน่งนักพัฒนาทรัพยากรบุคคล 4 ได้รับวุฒิปริญญาโททางการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ หรือบริหารทรัพยากรมนุษย์
- ตำแหน่งนักสถิติ 4 ได้รับวุฒิปริญญาโททางสถิติ
สำหรับพระภิกษุหรือสามเณรทางราชการไม่รับสมัครและไม่อาจให้เข้ารับการคัดเลือก
เพื่อบรรจุเข้ารับราชการ ทั้งนี้ ตามหนังสือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ที่ นว 89/2501 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2501 และตามความในข้อ 5 ของคำสั่งมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 22 กันยายน 2521
3. การรับสมัคร
3.1 วัน เวลา และสถานที่รับสมัคร
ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้ารับการคัดเลือกขอและยื่นใบสมัครด้วยตนเองได้ที่ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารหลักเมือง) ชั้นที่ 5 ถนนหน้าหับเผย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ในวันและเวลาราชการ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
3.2 หลักฐานที่ต้องยื่นพร้อมใบสมัคร
(1) หนังสือแจ้งผลการสอบผ่านภาค ก. และภาค ข. (ฉบับจริงพร้อมกับสำเนา จำนวน 1 ฉบับ)
(2) รูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวกและไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด 1.5 x 2 นิ้ว โดยถ่ายครั้งเดียวกันไม่เกิน 1 ปี (นับถึงวันปิดรับสมัคร) จำนวน 3 รูป
(3) สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหรือสำเนาปริญญาบัตรที่แสดงว่าเป็นผู้มีวุฒิการศึกษาตรงกับตำแหน่งที่สมัคร จำนวน 2 ฉบับ โดยจะต้องสำเร็จการศึกษาและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวันปิดรับสมัคร คือวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ในกรณีที่ไม่สามารถนำหลักฐานการศึกษาดังกล่าวมายื่นพร้อมใบสมัครได้ ก็ให้นำหนังสือรับรองคุณวุฒิที่สถานศึกษาออกให้ โดยระบุสาขาวิชาที่สำเร็จการศึกษาและวันที่ที่ได้รับอนุมัติปริญญาบัตร ซึ่งจะต้องอยู่ภายในกำหนดวันปิดรับสมัครมายื่นแทนก็ได้
(4) สำเนาใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะด้าน ตามที่กำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ถ้ามี) จำนวน 1 ฉบับ
(5) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวข้าราชการหรือทะเบียนบ้านอย่างใดอย่างหนึ่ง จำนวน 1 ฉบับ
(6) สำเนาหลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล อย่างละ 1 ฉบับ
(7) ใบรับรองแพทย์ซึ่งออกให้ไม่เกิน 1 เดือน และแสดงว่าไม่เป็นโรคที่ต้องห้ามตามกฎ ก.พ.
ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535)
ทั้งนี้ ในสำเนาหลักฐานทุกฉบับ ให้ผู้สมัครเขียนคำรับรองว่า สำเนาถูกต้องและลงชื่อกำกับไว้ด้วย
หมายเหตุ : หากผู้ใดเคยได้รับการบรรจุเข้ารับราชการโดยใช้ผลการสอบผ่านภาค ก. และภาค ข. ครั้งเดียวกันนี้แล้ว จะไม่มีสิทธิสมัครและเข้ารับการคัดเลือกอีก
4. การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกและกำหนดวัน เวลา และสถานที่
คัดเลือก
สำนักงานอัยการสูงสุดจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก และกำหนดวัน เวลา และสถานที่คัดเลือกในวันที่ 10 ตุลาคม 2551 (ทางเว็บไซด์
http://www.ago.go.th)
5. หลักสูตร วิธีการคัดเลือกและเกณฑ์การตัดสิน
หลักสูตร วิธีการคัดเลือกและเกณฑ์การตัดสิน คณะกรรมการจะกำหนดและประกาศให้ทราบ
ในประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกฯ ดังกล่าวข้างต้นต่อไป
6. การประกาศขึ้นบัญชีผู้ได้รับคัดเลือก
สำนักงานอัยการสูงสุดจะประกาศขึ้นบัญชีผู้ได้รับคัดเลือกโดยเรียงลำดับที่จากผู้ได้คะแนนสูงลงมาตามลำดับ ในกรณีที่ผู้ได้รับคัดเลือกได้คะแนนเท่ากัน ก็ให้ผู้ได้รับเลขประจำตัวสมัครเข้ารับการคัดเลือกก่อนเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า
7. การบรรจุและแต่งตั้ง
ผู้ได้รับคัดเลือกจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้ได้รับคัดเลือก
ในกรณีที่มีผู้ได้รับคัดเลือกมากกว่าจำนวนตำแหน่งว่าง และภายหลังมีตำแหน่งว่างเพิ่มอีก สำนักงานอัยการสูงสุดอาจบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับคัดเลือกที่เหลืออยู่ดังกล่าวหรือจะดำเนินการคัดเลือกใหม่ก็ได้
ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งดังกล่าวต้องอยู่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยห้ามโอนไปส่วนราชการอื่น เว้นแต่ลาออกจากราชการ